Khaosod English: MERANTI GREEN STEEL’S VISION FOR A GREENER, STRONGER THAILAND

4 ก.พ. 2568

ปัจจุบัน ผู้คนให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อน หนึ่งในสาเหตุหลักของปรากฏการณ์เรือนกระจกคือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากเกินไป “เหล็ก” เป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด อย่างไรก็ตาม การผลิตเหล็กกลับเป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงราว 8% ของปริมาณทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ เพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงได้เกิดกระบวนการผลิตเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือที่เรียกว่า “Green Steel” ซึ่งถือเป็นทางออกที่มีศักยภาพในปัญหาดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่ในเอเชียเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล็กเขียว (Green Steel) และประเทศไทยเริ่มให้ความสนใจแนวโน้มนี้มากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัทระดับนานาชาติกำลังเข้ามาสำรวจและลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น บริษัท Meranti Green Steel (Thailand) จำกัด ที่มีเป้าหมายยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กของไทยสู่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

นาย Sebastian Langendorf ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Meranti Green Steel (Thailand) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับมติชนว่า Meranti Green Steel ก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในการผลิตเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมเหล็กเป็นหนึ่งในผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รายใหญ่ของโลก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7-8%

ภารกิจของบริษัทคือการลดการปล่อยก๊าซ CO2 และส่งเสริมการผลิตเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ Meranti Green Steel ยังให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ซึ่งเป็นก๊าซที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการลดการปล่อย NOx ในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก

บริษัทตั้งฐานในสิงคโปร์เป็นหลัก แต่มีแผนขยายการผลิตเหล็กเขียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายที่จะก่อตั้งโรงงานเหล็กเขียวแห่งแรกของไทยในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ Meranti Green Steel ยังมีบทบาทในตะวันออกกลางและทางตะวันตกของออสเตรเลีย โดยเข้าร่วมโครงการห่วงโซ่อุปทานเหล็กเขียวในพื้นที่เหล่านี้ แม้สิงคโปร์จะเป็นสำนักงานใหญ่ แต่บริษัทมุ่งเน้นตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก

3 ปัจจัยสำคัญในการเลือกประเทศไทย

นาย Sebastian เน้นปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่ทำให้ Meranti Green Steel เลือกประเทศไทยเป็นฐานพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดและผลิตเหล็กเขียว ได้แก่

1. โครงสร้างพื้นฐาน:
ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับการผลิตเหล็กเขียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งท่าเรือ ระบบขนส่ง ไฟฟ้า และบุคลากร รวมถึงมีอุตสาหกรรมเหล็กเดิมอยู่แล้ว ซึ่งเป็นฐานที่ดีในการผลิตเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

2. อุตสาหกรรมเหล็กปลายน้ำที่แข็งแกร่ง:
ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมเหล็กปลายน้ำที่เข้มแข็ง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และก่อสร้าง ประเทศไทยบริโภคเหล็กราว 17 ล้านตันต่อปี โดยมีความต้องการเหล็กในประเทศสูง

3. ความเป็นผู้นำทางประวัติศาสตร์ในการผลิตเหล็ก:
ประเทศไทยเคยเป็นผู้ผลิตเหล็กชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อ 25 ปีก่อน Meranti Green Steel เห็นโอกาสดีที่จะส่งเสริมการผลิตภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า โดยเฉพาะเหล็กเกรดสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันนำเข้าจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นหลัก บริษัทตั้งใจฟื้นฟูอุตสาหกรรมเหล็กไทยให้มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นาย Sebastian เน้นย้ำว่าการฟื้นฟูอุตสาหกรรมเหล็กไทยเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน หากไม่ดำเนินการดังกล่าว อุตสาหกรรมปลายน้ำอาจย้ายฐานไปยังประเทศอื่น จึงจำเป็นต้องพัฒนาและปรับโฉมอุตสาหกรรมเหล็กไทยให้ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การขยายการผลิตเหล็กเขียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รูปแบบธุรกิจของ Meranti Green Steel ไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจที่ใช้เหล็กสามารถแข่งขันได้เท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทยในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศใน COP26 ปี 2021 บริษัทสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) และข้อตกลงปารีสในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C

โรงงานผลิตเหล็กเขียวของ Meranti Green Steel ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของ IRPC จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รัฐบาลไทยมุ่งหวังจะเปลี่ยน EEC ให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพัฒนาระบบเชื่อมโยงการค้าทางบกและทะเล เช่น การปรับปรุงระบบรถไฟ พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด และขยายสนามบินอู่ตะเภา เมื่อโครงการเหล่านี้เสร็จสมบูรณ์ ไทยจะมีการเข้าถึงตลาดโลกที่ดีขึ้นอย่างมาก

ความร่วมมือและเป้าหมาย

นาย Sebastian เผยว่า Meranti Green Steel มีพันธมิตรที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ในประเทศไทย บริษัทร่วมมือกับ GPSC, IRPC, BIG, Danieli Thailand, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และวิทยาลัยเทคโนโลยี IRPC จังหวัดระยอง ขณะที่ในต่างประเทศ Meranti มีพันธมิตรในออสเตรเลีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง โดยพันธมิตรด้านการจัดซื้อในยุโรปจะเริ่มนำเข้าเหล็กจากโรงงานเหล็กเขียวของ Meranti ในไทยในช่วงปี 25611-2562 นอกจากนี้ Meranti Green Steel ยังส่งออกเหล็กม้วนร้อนให้กับอุตสาหกรรมปลายน้ำในเวียดนามซึ่งนำไปแปรรูปและส่งออกต่อไปยังยุโรป