Kallanish: Green steel shift gains momentum
5 พ.ค. 2568
อุตสาหกรรมเหล็กระดับโลกเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่การผลิต “เหล็กคาร์บอนต่ำ” มากขึ้น
เซบาสเตียน แลงเกนดอร์ฟ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Meranti Green Steel กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ที่มี Kallanish ร่วมฟังว่า กฎระเบียบใหม่ ๆ อย่างกลไกปรับคาร์บอนชายแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) และภาษีคาร์บอนที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังเร่งให้ผู้ผลิตเหล็กลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตัวอย่างเช่น ภาษีคาร์บอนของสิงคโปร์ที่จะปรับขึ้นเป็น 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในปี 2569
แนวโน้มนี้ส่งผลให้ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์และก่อสร้างที่เหล็กปล่อยคาร์บอนต่ำกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น
ส่วนสำคัญของเหล็กคาร์บอนต่ำคือ “เหล็กรีดตรง” (Direct Reduced Iron - DRI) ซึ่งใช้เชื้อเพลิงสะอาด เช่น ก๊าซธรรมชาติหรือไฮโดรเจน DRI ต้องใช้แร่เหล็กคุณภาพสูงที่มีปริมาณเหล็กประมาณ 67-68% แม้ปัจจุบันการผลิตเหล็กโดยใช้ DRI จะยังมีสัดส่วนน้อยในภาพรวมทั่วโลก แต่คาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ เหล็กที่ทำจากเศษเหล็ก (Scrap Steel) ก็มีบทบาทเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีการผลิตเหล็กจากเศษเหล็กราว 800 ล้านตันต่อปี และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านตันภายในปี 2593 อย่างไรก็ตาม การผลิตเหล็กจากแร่เหล็กยังคงจำเป็น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่เติบโตเร็ว เช่น อินเดียและแอฟริกา
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผลิตเหล็กประมาณ 80 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 เท่าภายในปี 2578 แม้การผลิตส่วนใหญ่ยังคงใช้เตาหลอมแบบเดิม แต่ก็เริ่มมีสัญญาณความต้องการเหล็กคาร์บอนต่ำเช่น ในอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยและภาคก่อสร้างของสิงคโปร์
“ผู้ผลิตเหล็กกำลังเดินตามสองเส้นทาง” แลงเกนดอร์ฟกล่าว “พวกเขากำลังเตรียมพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการเหล็กคาร์บอนต่ำในยุโรปในอนาคต ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ สร้างตลาดเหล็กคาร์บอนต่ำในท้องถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเปลี่ยนผ่านนี้ได้เริ่มขึ้นแล้วและเหล็กคาร์บอนต่ำคุณภาพสูงจะอยู่กับเราไปอีกนาน”